top of page

ไทยเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนของกลุ่มหารือร่วมด้านการค้าและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (TESSD) สานต่อพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

  • Writer: pmtwmocgoth
    pmtwmocgoth
  • Nov 26
  • 2 min read
ree


เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ณ สำนักงานใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ผู้แทนไทยในนามของเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ได้ประกาศเข้าร่วมการเป็นผู้สนับสนุน (Co-Sponsor) ของกลุ่มหารือร่วมด้านการค้าและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Trade and Environmental Sustainability Structured Discussion: TESSD) อย่างเป็นทางการ โดยการเข้าร่วมดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการรักษาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งเป็นการสานต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของปวงชนชาวไทย ดังพระราชดำรัส "พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า" ที่แสดงถึงพระราชปณิธานอันแรงกล้าและพระราชกรณีกิจตลอดพระชนม์ชีพในการฟื้นฟูผืนป่า


ในการเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนการหารือภายใต้ TESSD ไทยมุ่งมั่นที่จะนำความรู้ ประสบการณ์ และข้อคิดเห็นของไทยในด้านที่เกี่ยวข้องกับมาตรการด้านการค้าที่ช่วยส่งเสริมให้มีการรักษาสิ่งแวดล้อมและการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change) มาร่วมแลกเปลี่ยนกับสมาชิกรายอื่น เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและสิ่งแวดล้อม (Committee on Trade and Environment: CTE) ของ WTO ในด้านการค้าและสิ่งแวดล้อมต่อไป


TESSD เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเร่งการดำเนินการในด้านการค้าและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของคณะกรรมการต่าง ๆ ของ WTO รวมถึง CTE โดย TESSD แบ่งการทำงานออกเป็นคณะทำงานอย่างไม่เป็นทางการ (Informal Working Groups) จำนวน 4 กลุ่ม ดังนี้


(1)     คณะทำงานเรื่องมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการค้า (Trade-related Climate Measures: TrCMs) เพื่อให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการใช้ TrCMs ในการบรรลุเป้าประสงค์ด้าน Climate Change เช่น 1) การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน (Decarbonization) ของภาคอุตสาหกรรมและการขนส่ง รวมถึงวิธีในการวัดการปล่อยคาร์บอนและมาตรฐาน 2) การปรับเปลี่ยนตามสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Adaptation) และ 3) การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Clean Energy Transition) ซึ่งในปัจจุบันคณะทำงานอยู่ระหว่างจัดทำเอกสารเพื่อรวบรวมนโยบายและมาตรการด้านสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องกับการค้า เพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้นถึงการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของ สมาชิก อาทิ 1) ระบบการซื้อขายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading System) ของสหภาพยุโรป นอร์เวย์ และจีน 2) การปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Border Carbon Adjustment) ของสหภาพยุโรป 3) ภาษีและมาตรการจูงใจ (Tax and Incentives) เพื่อจูงใจในการใช้สินค้าและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสภาพภูมิอากาศ เช่น การจัดตั้งกองทุนของแคนาดาเพื่อพัฒนาการผลิตไฮโดรเจนที่มีคาร์บอนต่ำ และยกเว้นภาษีสำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพของสวิตเซอร์แลนด์ และ 4) มาตรการด้านกฎเกณฑ์ (Regulatory Measures) เช่น มาตรฐานด้านเชื้อเพลิงสะอาดของแคนาดาที่ตั้งเงื่อนไขด้านความแน่นหนา (Intensity Requirement) ของก๊าซคาร์บอนที่มีอยู่ในเชื้อเพลิง และมาตรฐานของจีนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอุตสาหกรรมอลูมิเนียม นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าวยังรวบรวมแนวทางที่สมาชิกเห็นว่าสามารถร่วมมือกันในด้านดังกล่าวได้ อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้าน TrCMs การปรับมาตรฐานด้านการตรวจวัดคาร์บอนให้เหมือนกัน และการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการสร้างศักยภาพ ซึ่งสมาชิกยังอยู่ระหว่างการหารือโดยตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปเป็นผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญครั้งที่ 14 (MC14) ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2569


(2) คณะทำงานเรื่องสินค้าและบริการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Goods and Services: EGS) เพื่อหารือถึงบทบาทของ EGS ในการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนทางด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Adaptation) และศึกษาประเด็นเฉพาะรายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและการอำนวยความสะดวกในการค้า EGSซึ่งมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีในด้านพลังงานหมุนเวียน  (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ) และด้าน Climate Change ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำและการทำเกษตรที่ยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันคณะทำงานอยู่ระหว่างหารือเพื่อปรับปรุงเอกสารที่รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวอย่างรายการของ EGS อุปสรรคและจุดคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน มิติด้านการพัฒนา และโอกาสตลอดจนแนวทางในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการค้า EGS เช่น การปรับรหัสระบบฮาร์ไมโนซ์ด้านศุลกากรของสินค้าที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนมากขึ้น และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการบริหารจัดการน้ำ โดยสมาชิกตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปเป็นผลลัพธ์ของ MC14 


(3) คณะทำงานเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อหารือในด้านที่เกี่ยวข้องกับการค้าของ Circular Economy ตลอดวงจรชีวิตของสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พลังงานหมุนเวียน การขนส่งซึ่งรวมถึงแบตเตอร์รี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งก่อสร้าง และสิ่งทอ ซึ่งในปัจจุบันคณะทำงานอยู่ระหว่างหารือเพื่อปรับปรุงเอกสารที่รวบรวมการดำเนินการของสมาชิกด้าน Circular Economy ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ สิ่งทอ พลังงานหมุนเวียน แบตเตอร์รี่ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เห็นถึงวงจรชีวิตของอุตสาหกรรมดังกล่าวและแนวทางในการปรับปรุงให้สามารถมีการหมุนเวียนได้มากขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการของเสีย และแนวทางในการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการสร้างศักยภาพ โดยสมาชิกตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปเป็นผลลัพธ์ของ MC14 


(4) คณะทำงานเรื่องการอุดหนุน (Subsidies) เพื่อหารือถึงผลกระทบเชิงบวกและลบในด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการอุดหนุนและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับการค้า โดยสมาชิกมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการออกแบบและการพิจารณาการอุดหนุนเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและเผยแพร่ข้อมูลให้มากขึ้น ซึ่งการหารือดังกล่าวครอบคลุมเรื่องการอุดหนุนในภาคการเกษตร การอุดหนุนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เชื้อเพลิงชีวภาพ นโยบายอุตสาหกรรมสีเขียว และแรงจูงใจด้านนโยบายด้านห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งในปัจจุบันคณะทำงานอยู่ระหว่างหารือเพื่อปรับปรุงเอกสารที่รวบรวมองค์ประกอบในการออกแบบการอุดหนุน โดยร่างเอกสารดังกล่าวประกอบด้วยสองส่วนคือ 1) ข้อที่ควรพิจารณาสำหรับการออกแบบการอุดหนุน เช่น เหตุผลที่ควรคำนึงในการออกแบบและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม และ 2) การอุดหนุนของสมาชิก ซึ่งข้อมูลในทั้งสองส่วนมาจากการหารือของสมาชิก ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลของสมาชิกและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เช่น นโยบายการอุดหนุนสีเขียวของจีน (อาทิ การให้เงินทุนเพื่อพัฒนาพลังงานสะอาด และมาตรการพิเศษทางภาษีแก่รถที่ใช้พลังงานใหม่) และการจัดทำเครดิตเชื้อเพลิง (fuel credit) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อส่งเสริมการผลิตเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับเครื่องบินและการขนส่งอื่น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสมาชิกตั้งเป้าให้ได้ข้อสรุปเป็นผลลัพธ์ของ MC14 ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2569


ทั้งนี้ ปัจจุบัน TESSD มีสมาชิกที่เป็นผู้สนับสนุนทั้งหมด 79 ราย หรือคิดเป็น 48% ของสมาชิก WTO ทั้งหมด (166 ราย) โดยประกอบไปด้วยสมาชิกจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ที่มาจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย สิงคโปร์ ยูเครน เซเนกัล และวานูอาตู

 
 
bottom of page