ภูมิทัศน์นวัตกรรมระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
- pmtwmocgoth
- Feb 28, 2022
- 1 min read

การลงทุนด้านนวัตกรรมของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ที่การลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ และแม้วิกฤตการระบาดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโลกอย่างมีนัยสำคัญ แต่การพัฒนานวัตกรรมก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อมองในระดับรายภูมิภาคจะสังเกตได้ถึงภูมิทัศน์ด้านนวัตกรรมของโลกที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยแม้ว่าอเมริกาเหนือและยุโรปยังคงเป็นภูมิภาคที่มี ความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมนำหน้าภูมิภาคอื่นมาก 5 อันดับแรกของผู้นำด้านนวัตกรรมโลกก็เป็นประเทศจากยุโรปและอเมริกาเหนือถึง 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร ขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย ได้ก้าวขึ้นมาเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตด้านนวัตกรรม อย่างมีพลวัตที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา นำโดยสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งเป็นประเทศเดียวจากเอเชียที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกเป็นครั้งแรก ตามด้วยสิงคโปร์ (อันดับ 8) จีน (อันดับ 12) ญี่ปุ่น (อันดับ 13) และจีนฮ่องกง (อันดับ 14) ขณะที่ภูมิภาคอื่น ๆ ได้แก่ แอฟริกาเหนือและเอเชียตะวันตก ละตินอเมริกาและแคริบเบียน เอเชียกลางและเอเชียใต้ และแอฟริกาตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา ยังเป็นผู้ตามที่ค่อนข้างห่าง ในด้านการพัฒนานวัตกรรม
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางหลายประเทศก้าวมาเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญที่สร้าง ความเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ด้านนวัตกรรมโลก โดยมีจีนเป็นประเทศเดียวจากกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง ที่ติด 1 ใน 30 อันดับแรกของดัชนีนวัตกรรมโลก ตามด้วยตุรกี (อันดับที่ 41) ไทย (อันดับที่ 43) เวียดนาม (อันดับที่ 44) สหพันธรัฐรัสเซีย (อันดับที่ 45) อินเดีย (อันดับที่ 46) ยูเครน (อันดับที่ 49) และมอนเตเนโกร (อันดับที่ 50) ที่ติด 50 อันดับแรก
ขณะที่เมื่อเทียบดัชนีนวัตกรรมกับระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้ว ในปี 2564 อินเดีย เคนยา มอลโดวา และเวียดนามต่างมีการพัฒนาด้านนวัตกรรมที่สูงกว่าระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจติดต่อกันถึง 11 ปี ขณะที่บราซิล อิหร่าน และเปรูก็มีระดับการพัฒนาที่สูงกว่าระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นปีแรกเช่นกัน
ภาพรวมของการพัฒนานวัตกรรมในประเทศไทย
ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 43 จาก 132 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2564 โดยขยับขึ้นสูงกว่าปีที่ผ่านมา 1 อันดับ โดยภาพรวมยังเป็นอันดับที่ 10 ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางสูงในด้านการส่งเสริมและ การพัฒนานวัตกรรม นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์และการลงทุนของบริษัทในด้าน R&D รวมทั้งยังได้รับการจัดอันดับ 3 ของประเทศที่มีมาตรการในการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยและ อยู่ในอันดับ 8 ของประเทศที่ส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์ อย่างไรก็ดี ไทยยังตามหลังสิงคโปร์และมาเลเซียอยู่ในภูมิภาคนี้ โดยมีปัจจัยที่ควรเร่งการพัฒนาในด้านการเติบโตของสถาบัน (บรรยากาศทางการเมือง สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ และสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจ) และการพัฒนาบุคลากร (การศึกษารวมทั้งการวิจัยและพัฒนา)
การพัฒนานวัตกรรมเป็นหนึ่งในวาระที่ถูกบรรจุอยู่ในนโยบายการพัฒนาและการปฏิรูปประเทศที่สำคัญของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561-2580) นโยบายประเทศไทย 4.0 รวมทั้งแผนพัฒนานโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (2555-2564) โดยมีสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation Association: NIA) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการเติบโตด้านนวัตกรรมที่เด่นชัดประการแรกคือการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยี
เชิงลึก (DeepTech) ซึ่งถือเป็นรากฐานของการเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน โดยปี 2564 เป็นปีแรกที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติได้ริเริ่มโครงการสนับสนุนนวัตกรรมฐานเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep-tech Innovation) ใน 6 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เทคโนโลยีด้านการแพทย์ (MedTech) เทคโนโลยีด้านอาหาร (FoodTech) เทคโนโลยีการเกษตร (AgTech) เทคโนโลยีอวกาศ (SpaceTech) เทคโนโลยีป้องกันประเทศ (Defense Tech) และเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (ARI-Tech) โดยเน้นการทำงานร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี รวมทั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงงานวิจัยเชิงลึกให้ไปสู่การพัฒนาเป็น “ธุรกิจนวัตกรรม” โดยภาคเอกชน รวมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ที่พัฒนานวัตกรรมบนฐานนวัตกรรม หรือ Innovation-based enterprise (IBE) ให้สามารถพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีเชิงลึกที่สามารถตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของอนาคตได้
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่อง “การพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่” โดยในการจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศทางสตาร์ทอัพโลกประจำปี 2564 (Global Startup Ecosystem Index 2021) ที่จัดทำโดย Startup Blink ศูนย์วิจัยเรื่องนวัตกรรมสตาร์ทอัพโลก ประเทศไทยครองอันดับที่ 50 จาก 100 ประเทศ และมีถึง 4 เมือง
ที่ติดใน 1,000 อันดับแรกของเมืองที่มีระบบนิเวศสตาร์ตอัปที่ดีที่สุด กรุงเทพมหานครสามารถกระโดดขึ้น 19 อันดับจากอันดับ 90 สู่อันดับที่ 71 โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) และเทคโนโลยีการค้าปลีก เชียงใหม่อยู่ในอันดับที่ 397 ภูเก็ต อันดับที่ 442 (ปรับขึ้น 428 อันดับจากเดิม อันดับที่ 870) และสุดท้ายคือเมืองพัทยาที่ติดอันดับเป็นปีแรกที่อันดับ 833
(อ้างอิง: https://www.nia.or.th/NIA4)
Source:
Daftar Link Dofollow
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
lapak7d
situs slot demo
slot demo X1000
scatter hitam
slot toto
situs slot online
situs slot online
situs slot online
situs slot
situs slot
situs slot
situs slot
situs slot
sudirman168
sudirman168
sudirman168
sudirman168
slot gacor
situs slot toto
situs toto
situs toto
situs toto
situs toto
slot gacor
slot gacor
toto singapure
situs toto 4d
toto slot 4d
pg soft mahjong2
mahjong2
pocari4d
pocari4d
pocari4d
pocari4d
pocari4d
pocari4d
pocari4d
pocari4d
terminalbet
terminalbet
situs slot gacor
data pemilu
utb bandung
universitas lampung
slot bonus new member
ksr88
ksr88
ksr88
ksr88
ksr88
Slot Dana
situs slot gacor hari ini
situs slot gacor
situs toto slot