เมื่อวันที่ 29 – 30 ตุลาคม 2562 WTO ได้จัดการประชุมเพื่อประเมินการใช้ประโยชน์จากการเปิดตลาดภาคบริการให้กับกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Countries: LDCs) ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ทางการค้าที่สมาชิก WTO ให้กับประเทศ LDCs เป็นกรณีพิเศษ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ LDCs มีส่วนร่วมในการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม
การให้สิทธิประโยชน์ด้านการค้าบริการแก่กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด หรือที่เรียกว่า LDC Services Waiver เป็นไปตามมติที่ประชุมระดับรัฐมนตรีที่อนุญาตให้ประเทศสมาชิก WTO งดเว้นจาก “หลักการไม่เลือกปฏิบัติ” เป็นการชั่วคราว และสามารถเปิดตลาดให้กับผู้ให้บริการจากกลุ่ม LDCs โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดให้กับประเทศอื่นด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันมีประเทศที่เข้าข่ายเป็น LDCs ตามหลักเกณฑ์ของสหประชาชาติ จำนวน 47 ประเทศ อาทิ บังกลาเทศ เบนิน มาลี คองโก เมียนมาร์ เซเนกัล ยูกันดา แซมเบีย ภูฏาน กัมพูชา ลาว เนปาล ซูดาน เป็นต้น ซึ่งแม้กลุ่มประเทศดังกล่าวจะมีประชากรรวมกว่า 1 พันล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 13 ของประชากรโลก แต่ LDCs กลับมีสัดส่วนการส่งออกการค้าภาคบริการเพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้น
ประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศสมาชิก WTO จำนวน 24 ราย ที่ให้ความช่วยเหลือกับกลุ่ม LDCs ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 โดยไทยได้เปิดตลาดภาคบริการเพิ่มเติมจากข้อผูกพันที่มีอยู่เดิมภายใต้ความตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าบริการ (General Agreement on Trade in Services) ใน 6 สาขาบริการ ได้แก่ บริการสถานที่สำหรับกางเต็นท์พักแรม บริการสวนสนุกและสถานพักผ่อนหย่อนใจ บริการโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ บริการบ้านพักหรือศูนย์สำหรับวันหยุด บริการตัวแทนเดินทะเล และบริการรับจัดการสินค้าขนส่งทางทะเล ซึ่งการเปิดตลาดของไทยกำหนดให้ LDCs สามารถถือหุ้นในนิติบุคคล แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 49 และอนุญาตให้นักธุรกิจ (Business Visitor) กับผู้โอนย้ายภายในกิจการ (Intra-Corporate Transferee) สามารถเข้ามาทำงานในไทยได้
การประชุมเพื่อประเมินการใช้ประโยชน์จาก LDC Services Waiver ที่ WTO จัดขึ้นครั้งนี้ นับเป็นการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเริ่มให้สิทธิพิเศษในรูปแบบดังกล่าว โดยประเทศไทยได้รายงานการใช้ประโยชน์จาก LDC Services Waiver ที่ไทยเปิดตลาดการค้าบริการเพิ่มเติมให้กับ LDCs อาทิ การจัดตั้งธุรกิจการเรียนการสอนภาษาโดยผู้ให้บริการจากเนปาล กัมพูชา ยูกันดา และมาลี นอกจากนี้ ไทยมีการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและเสริมสร้างศักยภาพการค้าบริการของกลุ่ม LDCs ผ่านโครงการฝึกอบรมและสัมมนา รวมทั้งการให้ทุนการศึกษา ซึ่งเป็นการเน้นย้ำบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับมิติด้านการพัฒนา โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือกลุ่มประเทศ LDCs ซึ่งรวมถึงกัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ ที่เป็นสมาชิกอาเซียนด้วย
กมลทิพย์ พสุนธรากาญจน์ จะนู
30 ตุลาคม 2562
Comments