นอร์เวย์ให้ความช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและพัฒนาน้อยที่สุดยกระดับมาตรฐานด้านอาหาร

สำนักงานเพื่อความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของนอร์เวย์ (The Norwegian Agency for Development Cooperation: NORAD) ให้คำมั่นที่จะให้เงินช่วยเหลือมูลค่า 25 ล้านโครนนอร์เวย์ (ประมาณ 91 ล้านบาท) แก่โครงการพัฒนาการค้าและมาตรฐาน (Standards and Trade Development Facility: STDF) ระหว่าง ปี พ.ศ. 2564 ถึง พ.ศ. 2566 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Countries: LDCs) ในการปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยอาหารและมาตรฐานสุขอนามัยพืชและสัตว์ เพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพและสามารถเข้าถึงตลาดระดับภูมิภาคและตลาดโลกได้

โครงการ STDF เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (World Organization for Animal Health หรือ Office International des Epizooties: OIE) กลุ่มธนาคารโลก องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และ WTO ซึ่งเป็นทั้งที่ตั้ง และองค์กรที่บริหารจัดการโครงการนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดในด้านการเจรจาและบังคับใช้มาตรฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหารและ สุขอนามัยพืชและสัตว์ เพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อนการค้าที่ครอบคลุมและมีส่วนในการส่งเสริม การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ความมั่นคงทางอาหาร และการลดความยากจนในประเทศต่าง ๆ โดยสอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาของสหประชาชาติ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา โครงการ STDF ได้ให้เงินทุนสนับสนุนความช่วยเหลือ แก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดแล้วกว่า 230 โครงการ

การบริจาคเงินครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ NORAD ให้การสนับสนุนโดยตรงแก่โครงการ STDF หลังจากที่รัฐบาลนอร์เวย์ได้เคยให้การสนับสนุนโครงการ STDF เป็นมูลค่ารวมประมาณ 5.2 ล้านฟรังก์สวิส (ประมาณ 183 ล้านบาท) นับแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา โดยนาย Bård Vegar Solhjell ผู้อำนวยการใหญ่ของ NORAD ย้ำว่า นโยบายการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาของนอร์เวย์ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นในเรื่องความมั่นคงทางอาหารและระบบอาหารที่มีพลวัตและมีประสิทธิภาพ ขณะที่นาง Ngozi Okonjo-Iweala ผู้อำนวยการใหญ่ WTO ให้ความมั่นใจว่าเงินบริจาคครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช รวมถึงการใช้แนวทางที่อยู่บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์เพื่อปกป้องสุขภาวะของพืช สัตว์และมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตในตลาดใหม่ ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตด้วย

Source:

https://www.wto.org/english/news_e/pres22_e/pr896_e.htm